จากรายงานของ BBC News เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2021 พบว่า เกือบ 1 ใน 3 ของเด็กในเวลส์ (Wales) มีฐานะยากจน และเวลส์ยังเป็นประเทศที่เด็กมีฐานะยากจนที่สุดในกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักรอีกด้วย
จากการรายงานของสหพันธ์พิทักษ์เด็ก (Save the Children) ในปี 2019-2020 ก่อนมีการแพร่ระบาดโควิด-19 พบว่า 31 เปอร์เซ็นต์ของเด็กในเวลส์มีฐานะยากจน เทียบกับอังกฤษที่มี 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสก็อตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือ อยู่ที่ 24 เปอร์เซ็นต์
แม้ว่าแผนการยุติความยากจนของเด็กที่รัฐบาลขีดเส้นไว้ภายในปี 2020 จะถูกยกระดับความสำคัญขึ้นมา ทว่าตัวเลขความยากจนกลับไม่ลดลง เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19
กล่าวคือ ก่อนเกิดการระบาด เด็กในประเทศเวลส์กว่า 200,000 คน มีฐานะยากจน และประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้ต่ำ ดังนั้นเมื่อรายได้ที่มีน้อยอยู่แล้ว ประกอบกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่นนี้เกิดขึ้น ทำให้รายได้ของพวกเขายิ่งลดลง จนประสบกับปัญหาหนี้สินตามมา การเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานอย่างเสื้อผ้า เครื่องทำความร้อน และอาหาร จึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
เมื่อแต่ละครอบครัวมีภาระค่าใช้จ่ายรุมเร้า และยากลำบากในการซื้อหาอาหารได้อย่างเพียงพอ แต่หากโรงเรียนมี ‘อาหารฟรี’ ให้แก่เด็กก็จะช่วยต่อชีวิตในระบบการศึกษาของเด็กเปราะบางในเวลส์ได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้กระแสการรณรงค์ให้มีมื้ออาหารฟรีเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองจึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในเวลส์ อย่างแคมเปญที่กระตุ้นให้รัฐบาลออกมาให้การสนับสนุน โดยนักฟุตบอลสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด (Marcus Rashford) ที่ต้องการเห็นเด็กทุกคนได้รับอาหารฟรีแม้จะอยู่ในช่วงปิดเทอม และเด็กไม่ได้ไปโรงเรียนเนื่องจากการล็อคดาวน์
“ไม่ควรมีเด็กคนไหนในปี 2020 ต้องนั่งในห้องเรียนพร้อมกับความกังวลว่าช่วงวันปิดเทอมจะมีอาหารกินไหม เพราะการระบาดของโรคที่ทำให้พ่อแม่ของพวกเขาต้องตกงาน สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง หรือในบางกรณีต้องเสียชีวิต” เขากล่าว
นอกจากนี้ยังมีการเรียกร้องของ อดัม โยฮันส์ (Adam Johannes) สมาชิกผู้ก่อตั้งและผู้ประสานงานสภาประชาชนคาร์ดิฟฟ์ (The Cardiff People’s Assembly) ที่ออกมาต่อต้านปัญหาความยากจน และเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการอาหารฟรีให้แก่เด็ก
แม้เวลส์จะมีนโยบายมื้ออาหารเช้าให้เด็กฟรี แต่ด้วยความยากจนของประชากร ประกอบกับโควิดที่ทำให้เกิดวิกฤติความยากจนเพิ่มขึ้น ทำให้การเรียกร้องให้มีมื้ออาหารกลางวันฟรีเป็นสิ่งที่โยฮันส์เห็นว่ารัฐควรสนับสนุนเพิ่มเติม
“ประชากรเวลส์ค่อนข้างยากจน บางคนทำงานพาร์ทไทม์ เป็นคนดูแลผู้ชรา หรือบางคนมีรายได้ต่ำมาก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการการช่วยเหลือ” เขาพูด
ดังนั้นสำหรับโยฮันส์แล้ว การที่พ่อแม่ของเด็กได้รับการช่วยเหลือเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในยามวิกฤติ จะทำให้เด็กหลายคนเข้าถึงอาหารและการศึกษาได้ เพราะเมื่อเด็กมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง เด็กจะมีสมาธิในการเรียนมากขึ้น ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

เพราะอาหารคือพลังขับเคลื่อนการเรียนรู้
จากการรณรงค์และสร้างแคมเปญมากมาย ทำให้รัฐบาลเวลส์ตระหนักถึงความสำคัญต่อเรื่องนี้มากขึ้น โดยในเดือนเมษายน 2020 รัฐบาลได้จัดสรรงบถึง 33 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,460 ล้านบาท) และต่อมาได้เพิ่มทุนอีก 23 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,017 ล้านบาท) รวมทั้งสิ้นเกือบ 60 ล้านปอนด์ เพื่อสนับสนุนอาหารโรงเรียนฟรี ทั้งในรูปแบบของเงินสด บัตรกำนัล (voucher) และกล่องอาหาร
ทั้งนี้ สมาคมรัฐบาลท้องถิ่นเวลส์จะเป็นผู้จัดสรรงบประมาณเหล่านี้ด้วยตัวเอง เพราะใกล้ชิดประชาชนคนท้องที่ และรู้ปัญหาความต้องการของคนในพื้นที่ได้ดีที่สุด
จากรายงานของสำนักงานข่าว WalesOnline ในวันที่ 28 มิถุนายน 2020 ระบุว่า ตัวเลขของเด็กที่ได้รับอาหารโรงเรียนฟรีมีเพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงเดือนมกราคม 2020 ถึงมกราคม 2021 จากเดิมมีเด็กจำนวน 19,000 คน มีสิทธิได้รับอาหารโรงเรียนฟรี เพิ่มเป็น 105,000 คน จากเด็กทั้งหมด 468,000 หรือเฉลี่ยเป็น 22.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกล่าวได้ว่า มากกว่า 1 ใน 5 ของเด็กทั้งหมดในเวลส์ได้รับอาหารโรงเรียนฟรีเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ข้อมูลจากการสำรวจสำมะโนประชากรของโรงเรียน หรือ The Pupil Level Annual School Census (PLASC) แสดงผลว่า นักเรียน 85,731 คน หรือ 18.3 เปอร์เซ็นต์ของเด็กในโรงเรียนทั้งหมด เข้าถึงอาหารโรงเรียนฟรีในเดือนมกราคม 2020 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด และในเดือนมิถุนายน 2020 พบว่ามีเด็กที่ได้รับสิทธิเข้าถึงอาหารโรงเรียนฟรีเพิ่มขึ้นเป็น 91,700 หรือ 13 เปอร์เซ็นต์ของเด็กในโรงเรียนทั้งหมด ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด
และหากย้อนดูในปี 2002-2003 นักเรียนที่มีสิทธิได้รับอาหารฟรี มีจำนวนคงที่อยู่ที่ 87,022 คน และลดลงเหลือ 74,568 คน ในปี 2017-2018 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงสิ้นปี 2020 หลังจากรัฐมีการเพิ่มเงินสนับสนุนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกด้วย
โดยตัวอย่างเมืองคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff) ที่ในปี 2021 มี 28.3 เปอร์เซ็นต์ หรือเด็ก 14,602 คนได้รับอาหารฟรี ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการสำรวจของสหพันธ์พิทักษ์เด็ก ในปี 2012 ที่มีเด็ก 21 เปอร์เซ็นต์ หรือ 10,337 คน ได้รับอาหารโรงเรียนฟรี
เช่นเดียวกับเมืองฟลินท์เชอร์ (Flintshire) ที่ในปี 2021 มีเด็ก 21.82 เปอร์เซ็นต์ ได้รับอาหารโรงเรียนฟรี โดยเทียบกับผลการสำรวจของสหพันธ์พิทักษ์เด็กในปี 2012 ที่มีเด็กเพียง 13 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีสิทธิได้รับอาหารโรงเรียนฟรี
จากตัวเลขเหล่านี้ กล่าวได้ว่าการสนับสนุนทุนจากรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เด็กเปราะบาง หรือเด็กยากจน ยังคงสามารถเข้าถึงระบบการศึกษา และไม่ตกขอบจากการศึกษาได้ เนื่องจากพ่อแม่บางคนที่ยากจน เมื่อเผชิญกับปัญหาโรคระบาดเช่นนี้ ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นการช่วยเหลือจากภาครัฐจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
เช่นเดียวกับคำพูดของ ศาสตราจารย์แซลลี ฮอลแลนด์ (Professor Sally Holland) กรรมาธิการเด็กแห่งเวลส์ (Children’s Commissioner for Wales) ที่กล่าวว่า “ความยากลำบากทางการเงินที่ครอบครัวบางครอบครัวต้องเผชิญจากการระบาดของโควิด-19 ได้เพิ่มความท้าทายอย่างมากต่อมาตรการต่างๆ ของรัฐที่จะต้องให้ความสำคัญมากขึ้น ในการบรรเทาความยากจนในกลุ่มเด็กเปราะบาง”
ที่มา:
- More than one in five pupils in Wales receiving free school meals as thousands more became eligible during the pandemic
- Wales ‘has highest child poverty rates in UK’ says Save The Children
- Marcus Rashford MBE backs Welsh Government decision to ensure free school meal provisions for every school holiday until Easter 2021
- Child Poverty Snapshots The local picture in Wales